วิธีการที่ดีที่สุดในการลดการเกิดหลุมสิวคือ รีบรักษาสิวทันทีที่สิวเริ่มขึ้น โดยการทายากลุ่มรักษาสิว ถ้าหากทาแล้วไม่ดีขึ้น หรือสิวอักเสบมีขนาดใหญ่มากควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้สิวอักเสบยิ่งแย่ลง เพราะยิ่งสิวอักเสบเม็ดใหญ่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทิ้งหลุมสิวมากขึ้น ดังนั้น ห้ามแกะ บีบ หรือขัดถูใบหน้าแรงๆ เมื่อเป็นสิวเด็ดขาด เพราะการบีบเค้นทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น อาจลงไปในชั้นผิวที่ลึกขึ้น และกระบวนการสมานแผลของร่างกายจะใช้เวลานานขึ้น เกิดพังผืดมากขึ้น ก็จะกลายเป็นแผลเป็นหรือหลุมสิวถาวรได้เลย
ห้ามแกะสะเก็ด หลังจากหัวสิวหลุดแล้ว บางครั้งผิวหนังจะเริ่มสร้างสะเก็ดแผลขึ้นมา สิ่งที่ควรทำในช่วงนี้คือ ไม่ควรแกะสะเก็ดแผลเด็ดขาด เพราะสะเก็ดที่ยังไม่หลุดหมายความว่ากระบวนการสมานแผลยังไม่เสร็จสิ้น การแกะสะเก็ดทำให้กระบวนการรักษาถูกยืดออกไป การสร้างพังผืดก็จะมากขึ้น ทำให้เกิดการดึงรั้งของผิวหนังเป็นรอยหลุมสิว
ในผู้ที่เป็นสิวเม็ดใหญ่และลุกลามเป็นพื้นที่กว้าง มีแนวโน้มที่จะเป็นรอยหลุมสิวมากกว่าคนที่มีสิวน้อยกว่า ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
ยังมีหลายคนที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกินยา ทายา หรือการฉีดสิวว่าไม่ควรทำเมื่อเป็นสิว เพราะว่ากลัวจะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิว แต่คุณหมอได้ให้คำแนะนำไว้ว่า หากเป็นสิวรุนแรงและขาดการรักษาจะส่งผลให้เกิดทั้งรอยดำ รอยหลุมสิว หรือในบางกรณีก็เป็นแผลเป็นนูน แผลเป็นเหล่านี้รักษาได้ยากกว่าและมีค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าการรักษาสิวก่อนเกิดแผลเสียอีก
หากเกิดหลุมสิวขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเพราะปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาหลุมสิวให้ดีขึ้นได้ อาจไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ช่วยให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้นได้
วิธีนี้หลายๆ คนเรียกว่า ‘การใช้กรดผลไม้’ ซึ่งมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การอุดตันของรูขุมขน และทำให้รอยหลุมสิวดูจางลงได้ แต่เราควรเลือกใช้ความเข้มข้นให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า แต่หากผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้งก็ไม่ควรใช้ครับ
วิธีนี้ต้องทำทุก 2 สัปดาห์ สามารถช่วยรอยหลุมสิวให้ตื้นขึ้น รอยดำสิวจางลง แต่วิธีการนี้ควรให้คุณหมอเป็นผู้ทำให้จะดีกว่า เพราะต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
วิธีนี้เป็นการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา ทำให้ผิวดูเรียบขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้รอยดำจากสิวดูจางลง แต่ก็มีความระคายเคืองเช่นกัน จึงไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย และยามีความไวต่อแสงจึงทาได้เฉพาะช่วงกลางคืน และต้องทาครีมกันแดดในเวลากลางวันด้วย
การเติมฟิลเลอร์บริเวณหลุมสิวเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ แต่วิธีนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และฟิลเลอร์เองมีอายุอยู่ได้ 6 – 18 เดือน ต้องมาเติมบ่อยๆ
ใช้เลเซอร์กระตุ้นการผลัดเซลล์เพื่อช่วยให้ผิวเกิดการสร้างขึ้นใหม่ วิธีการนี้ก็ค่อนข้างเจ็บ และหลังทำหน้าจะแดงช้ำ แต่ผลลัพธ์ในการรักษาถือว่าดีและคุ้มค่า